ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ "สื่อเงียบ" บอกเล่าเรื่องราวของคนสองคนที่ชีวิตคู่ดูเหมือนจะมาถึงทางตัน ระหว่างที่สามีขับรถมาส่งภรรยาไปต่างประเทศ จู่ๆ ภรรยาก็เอ่ยว่า "ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออก" บอกลากันแบบไม่ทันให้สามีตั้งตัว ฝ่ายสามีก็ได้แต่อึ้งเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไร
แล้วก็ตัดฉากกลับมาที่บ้าน ในวันที่ภรรยาเตรียมเก็บข้าวของ ภรรยาเป็นสาวแวดวงการพิมพ์ สูบบุหรี่จัด ดูจากการที่เธอเดินไปเดินมา เก็บของเข้าๆ ออกๆ ก็พอจะบอกนิสัยของตัวละครตัวนี้ได้
ในขณะที่สามีคอยอยู่ข้างล่าง โทรจองร้านอาหารที่ภรรยาโปรดเพื่อรับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อสุดท้าย ค่อยๆ ละเมียดละไมชงกาแฟให้หญิงคนรัก และช่วยเก็บแก้วคู่ชามชุดที่ภรรยามักนำมาใช้เฉพาะโอกาสพิเศษมาห่อแพ็คอย่างดี หวังจะให้เธอนำไปใช้ที่บ้านใหม่กับ "ผู้ชายคนใหม่" ของเธอ แค่นี้ก็พอจะบอกได้ว่าเขารักเธอแค่ไหน
หนังดำเนินไปอย่างเนิบช้า มีตัวละครหลักแค่สองตัว บทสนทนาไม่มาก แต่ดูก็สัมผัสได้ถึงความรักและรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งคู่ยังมีเยื่อใยกันอยู่
เรายังรักกันอยู่ไหม...ไม่มีใครถามออกมาตรงๆ แต่สัมผัสได้จากอารมณ์ของหนัง
บางทีนิสัยที่ต่างกันอาจทำให้ไม่ลงรอยกันบ้าง หรือการอยู่ด้วยกันนานๆ อาจทำให้รู้สึกชินชาจนน่าเบื่อ แต่นั่นอาจเป็นแค่อุปสรรค์ที่ทำให้ชีวิตรักสะดุดลงบ้าง
อุปสรรคก็เหมือนฝน ถึงฝนจะตก แต่เดี๋ยวแดดก็จะออก
"Come Rain, Come Shine" คือชื่อของหนังเรื่องนี้
โดยส่วนตัวชอบชอบพระเอก ฮยอนบินเป็นนักแสดงที่แสดงออกทางสายตาได้แสนเศร้าพอๆ กับลีบยองฮุน ส่วนนางเอก อิมซูจองก็แสดงอารมณ์ได้ดีเหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา
ไม่อยากชวนให้ดู เพราะหนังราบเรียบ พูดน้อยและค่อยๆ ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่มีการสาดเสียงใส่กันเหมือนเมโลดราม่ายุคนี้ มักไม่ถูกจริตคนในยุคที่ชีวิตมีแต่ความรีบเร่ง ทุกอย่างต้องชัดเจนฟันธง
แต่หากคุณต้องการความละเมียดละไม อยากสัมผัสกลิ่นอายความรักที่ผู้ชายคนหนึ่งพึงจะให้ผู้หญิงได้...ผู้ชายที่ "ดีเกินไป"...ก็อยากชวนให้ชม
1 ความคิดเห็น:
Come Rain, Come Shine ได้รับการคัดเลือกให้ฉายในงานประกวดรางวัล Golden Berlin Bear และเป็นหนังรักเรื่องแรกที่เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน ครั้งที่ 61 (ปี 2011)
แสดงความคิดเห็น