ทำให้นึกไปถึงงานครัว เราอาจรู้จักอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่าง รู้จักเครื่องปรุงทุกชนิด ศึกษาสูตรอาหารมากมายจนแทบจำได้ขึ้นใจว่า เมนูไหนต้องใช้อะไรยังไงเท่าไหร่ ต้องปรุงยังไง ใช้เวลาแค่ไหน ฯลฯ แต่หากเราไม่เคยเข้าครัวลงมือทำจริงๆ แล้ว เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า อาหารจานนั้นจะออกมากินได้และอร่อยหรือเปล่า
การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เราอาจศึกษาเรียนรู้ธรรมะเรื่องนั้นเรื่องนี้ ท่องได้หมด ยกมาได้เป็นบทๆ แต่หากไม่มีการนำมาประยุกต์ใช้ เราคงยืนยันไม่ได้เต็มร้อยว่า มันเป็นเช่นนั้น หรือเป็นอย่างที่เราคิดจริงหรือเปล่า
การปฏิบัติธรรมไม่ได้หมายถึงว่า คุณจะต้องนุ่งขาวห่มขาว นั่งสมาธิ เดินจงกลม ถือศีลห้า ศีลแปด ไม่ต้องไปเข้าคอร์ส 7 วัน 10 วันอย่างที่ในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย เพราะธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะคือวิถี ธรรมะคือ The Way of Life ฉะนั้น การปฏิบัติธรรมหมายถึง การนำพระธรรมคำสอนมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งทางกาย วาจา ใจ
อาหารจานเดียวกัน สูตรเดียวกัน ใช้เครื่องปรุงเหมือนกัน วิธีการปรุงแบบเดียวกัน แต่แม่ครัวแต่ละคนอาจประกอบหรือปรุงออกมาได้รสต่างกันก็ได้ ธรรมะก็เช่นกัน ทุกคนรู้จักไตรลักษณ์ รู้จักวิธีวิปัสสนา ศีลห้า ศีลแปด ขันธ์ห้า พรหมวิหารสี่ โอย ท่องได้หมด ทว่าแต่ละคนนำมาปฏิบัติได้ผลเท่ากันมั้ย คำตอบคือไม่ค่ะ
บางคนอาจปฏิบัติแล้วได้ผลเร็ว บางคนอาจปฏิบัติมาเป็นแรมปี แต่ไม่เห็นผลสักที แต่อย่าลืมว่า Practice makes perfect. ยิ่งปฏิบัติมากย่อมก่อให้เกิดความคล่องแคล่วชำนาญ หมั่นฝึกฝนจน "เป็น" ธรรมชาติ
พูดไปก็เหมือนเดิมค่ะ ฉันว่าเรามาเริ่มปฏิบัติกันดีกว่า :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น