วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

10 ways to say "I'm sorry" in Chinese.

10 ways you can let someone know you are sorry:

1) 对不起。Duìbuqǐ。I’m sorry.

2) 非常抱歉。Fēicháng bàoqiàn。
I’m terribly sorry.

3) 对不起,我不是故意的。
Duìbuqǐ ,wǒ búshì gùyì de。
I’m sorry, I didn’t do it on purpose.

4) 我不是故意的,请原谅。
Wǒ búshì gùyì de,qǐng yuánliàng。
I didn’t mean it, please forgive me.

5) 对不起,我错了。
Duìbuqǐ,wǒ cuòle。
Sorry, I was wrong.

6) 对不起,一定要原谅我。
Duìbùqǐ,yídìng yào yuánliàng wǒ。
Sorry, please forgive me.

7) 可以原谅我吗?给我个机会吧。
Kěyǐ yuánliàng wǒ ma? Gěi wǒ gè jīhuì bā。
Can you forgive me? Please give me a second chance.

8) 抱歉,今天的事情让你误会了,希望能给我个机会解释下。
Bàoqiàn,jīntiān de shìqing ràng nǐ wùhuì le,
xīwàng néng gěi wǒ gè jīhuì jiěshì xià。
Sorry, you misunderstood what happened today.
I hope you can give me a chance to explain.

9) 对不起,没想到会给你带来不便,请原谅。
Duìbùqǐ ,méixiǎngdào huì gěi nǐ dàilái búbiàn,qǐng yuánliàng。
Sorry, I did not realize it would cause you any problems, please forgive me.

10) 我对我今天说的话表示歉意,请不要跟我一般见识了。
Wǒ duì wǒ jīntiān shuō de huà biǎoshì qiànyì,qǐng búyào gēn wǒ yìbānjiànshíle。
I apologize for the things I said earlier, please don’t take offense.


Source: click here

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Crayfish is not a fish.

Red river crayfish เป็นกุ้งชนิดหนึ่ง หัวโต ตัวลีบ ลักษณะคล้ายกุ้งก้ามกราม แต่ก้ามโตคล้ายก้ามปู บางคนเรียกล็อบสเตอร์น้ำจืด และมักพบตามโขดหิน หรือใต้ขอนไม้ตามหนองน้ำหรือลำธาร มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออก และออสเตรเลีย ปัจจุบันมีมากกว่า 500 สายพันธุ์

ตอนนี้เจ้ากุ้ง crayfish กำลังกลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นบ้านเรา นิยมเลี้ยงพันธุ์ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น สนนราคาอยู่ราว 300-3,000 กันเลยทีเดียว เลี้ยงในตู้ปลานั่นแหละ และมักเลี้ยงตัวเดียวโดดๆ เพราะอุปนิสัยออกจะก้าวร้าว เลี้ยงหลายตัวเดี๋ยวจะตีกันยุ่ง

ในขณะที่บ้านเราเลี้ยงดูเล่น แต่ crayfish เป็นอาหารจานโปรดของชาวจีน โดยเฉพาะในเทศกาล Duanwu Festival หรือเทศกาลเรือมังกร ที่ตรงกับเทศกาลบ๊ะจ่างบ้านเรา

พูดถึงบ๊ะจ่างแล้ว เพิ่งรู้ว่า บ๊ะจ่าง หรือที่ภาษาจีนเรียก 粽子 (zong zi) ฝรั่งบางคนเรียกว่า pyramidal rice dumpling (ทำไมเอะอะก็ใช้คำว่า dumpling ไม่เข้าใจจริงๆ) คงเพราะรูปทรงสามเหลี่ยมเหมือนปิรามิดมั้ง :)

ในเทศกาลนี้ที่มณฑลเจียงซู (แถวซูโจว หางโจว) นอกจากบ๊ะจ่าง พวกเขายังกินกุ้ง crayfish ที่จับได้กันเป็นตันๆ ด้วย จนบางคนเรียกช่วงเทศกาลนี้ว่า Crayfish Season ปีที่แล้ว เทศกาลนี้ทำเงินให้กับชาวบ้านสูงถึงหกพันล้านหยวน (สามหมื่นล้านบาท) เลยคิดดู

จำไว้นะคะว่า Crayfish is not a fish. เพราะถึงจะเป็นสัตว์น้ำเหมือนปลา แต่ไม่จัดเป็นปลา เพราะมันมีกระดูก (ก้าม) อยู่นอกร่างกาย เลยไม่เข้าข่ายจ้า

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Hijra ชายก็ไม่ใช่ หญิงก็ไม่เชิง

สารคดีชุด Taboo ของ National Geographic พาเราไปรู้จักเพศที่สามจากหลายมุมโลก และเรื่องราวของเพศที่สามในอินเดียดูจะน่าสนใจที่สุด

เพศที่สามในอินเดียเรียกว่า Hijra เป็นภาษาอูรดู ภาษาถิ่นของอินเดียทางตอนเหนือ ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาอารบิกคำว่า hjr มีความหมายว่า "leaving one's tribe" แยกออกจากกลุ่มของตัวเอง ภาษาฮินดียืมคำนี้มาใช้เรียกพวกเพศที่สาม ที่สำหรับพวกเขาแล้ว Hijra ไม่ใช่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แม้โดยลักษณะทางกายภาพแล้ว พวกเขาจะเป็นชายที่แต่งกายเป็นหญิง!

ในอินเดีย กลุ่มฮิจราจะอยู่กันเป็นชุมชนและมีมานานหลายยุคหลายสมัย รวมถึงการรับเด็กหนุ่มที่ถูกทิ้ง หรือหนีออกจากบ้านมาเลี้ยงในกลุ่มให้เป็นฮิจรา แต่แย่หน่อยตรงที่พอโตขึ้น เด็กกลุ่มนี้มักประกอบอาชีพขายบริการเป็นหลัก และมักถูกทำร้ายหรือทุบตี

Hijra ที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิหน่อย พอจะเป็นที่นับหน้าถือตาของชุมชนจะถูกเรียกว่า Kinnar และฮิจราส่วนใหญ่จะคงเพศสภาพตามกำเนิดไว้ ยกเว้นหากฮิจราคนไหนผ่านการแปลงเพศแล้ว จะถูกเรียกว่า Nirwaan

และน่าแปลกที่กลุ่มกระเทย หรือภาษาอินเดียเรียก Kothi กลับเป็นที่รังเกียจของพวกฮิจรา เพราะพวกเขามองว่า พวกกระเทยชอบทำตัวกระดี๊กระด๊า และทำตัวเป็นหญิงสามส่อนมั่วเซ็กส์กับผู้ชาย ไม่ใช่พวกเดียวกับพวกเขา

ในมหากาพย์มหาภารตะ ก่อนมหาสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร อิราวัต (Iravan or Aravan) โอรสของอรชุนกับนางนาค อุลูปี ได้ขอเจ้าแม่กาลีให้ฝ่ายตนมีชัยเหนือศัตรู และยอมที่จะสละชีพตัวเองบูชายัญ และคืนก่อนการรบ อิราวัตปรารถนาจะเข้าพิธีสมรสก่อนจะจากโลกนี้ไป แต่ไม่มีสาวคนไหนยอมเข้าพิธีด้วยเพราะไม่อยากเป็นหม้าย กฤษณะจึงจำแลงแปลงกายเป็นหญิง มาแต่งงานด้วย

จากมหากาพย์นี่เอง การแต่งงานระหว่างชายกับชายจำแลงเป็นหญิงจึงเกิดขึ้นได้ และอิราวัตกลายเป็นเทพของพวกฮิจรา ในวันที่ 27 เมษายนของทุกปี พวกฮิจราจะเดินทางมาที่วัด Koothandavar Temple ในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ Koovagam ในรัฐทมิฬนาฑู เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับเทพอิราวัต ปวารณาตัวเป็นภรรยาเทพ

พอเสร็จพิธีก็จะมีงานเฉลิมฉลอง เต้นระบำำรำฟ้อน และรุ่งเช้า พวกเขาจะแห่หุ่นเทพอิราวัตมาทำพิธีเผาบูชายัญ พวกฮิจราที่เพิ่งผ่านพิธีสมรสมาเมื่อวานก็จะกลายเป็นหม้ายทันที

ปัจจุบัน ประเพณีที่ว่านี้ได้กลายเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของบรรดาชาวฮินดูเพศที่สามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอินเดีย และต่างชาติรู้จักกันในนามของเทศกาล Koovagam Festival

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์

แม้จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ก็สามารถเติบโตเป็นต้นไม้ที่ดีได้ น้องสิน เด็กน้อยวัยสิบขวบ ที่เกิดจากแม่วัยแรกรุ่น อายุแค่สิบสี่และไม่พร้อมจะมีลูก เลยคิดทำแท้ง

แต่น้องสินกลับรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ ทว่าดวงตาข้างขวาต้องบอดสนิท ข้างซ้ายสั้นมาก และกำลังสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ รอวันดับ

เดชะบุญได้แม่เพ็ญนำมาชุบเลี้ยง ให้ความรัก ความเมตตา และสอนสั่งให้มีธรรมนำชีวิตตั้งเล็ก กลายเป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะ น่าชื่นใจมาก

ตอนนี้ น้องสินต้องเข้ากรุงเทพฯ มาเป็นนักเรียนประจำ ที่โรงเรียนสอนคนตาบอด เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนที่ตาข้างซ้ายจะบอด

เห็นชีวิตน้องแล้วเศร้า ความรักสนุกแต่ไม่รู้จักป้องกัน ทำให้อีกชีวิตหนึ่งเกิดมาอย่างไม่สมบูรณ์ คงได้แต่ภาวนาว่า สวรรค์คงไม่ใจร้ายกับน้องสินนัก ;-|

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ไม่มีใครรักคุณมากกว่าผม

โฮจินกับแดจิน สองพี่น้องที่สนิทสนมและรักใคร่กันมาก ไม่เคยมีความลับระหว่างกัน โฮจินคนพี่เลือกใช้ชีวิตอย่างสุขุม ทำงานแกะสลักเลี้ยงชีพ ในขณะที่แดจินผู้น้องรักความตื่นเต้นและความเร็ว อยากเป็นนักแข่งรถ

นอกจากสองพี่น้องแล้ว ยังมียุนซู สาวสวยที่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เจอคู่ชีวิตที่ดีพร้อมอย่างโฮจิน ทั้งสามอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งวันหนึ่ง...

แดจินมีกำหนดแข่งรถ ครั้งนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะคว้าชัยให้ได้ แม้พี่ชายจะทักท้วงด้วยความเป็นห่วง และอยากให้เลิกอาชีพนี้เสียที แต่ในเมื่อน้องชายไม่ยอม พี่ชายจึงได้แต่ให้เครื่องลางไว้คุ้มภัย

พอใกล้เวลาแข่ง โฮจินนั่งแท๊กซี่ไปดูน้องชาย หวังจะไปเป็นแรงเชียร์ แต่ด้วยความที่สายแล้ว แท๊กซี่ตีนผีเลยซิ่งจนเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง รถบรรทุกพุ่งเข้าชนกับแท็กซี่อย่างจัง...โครม...

เหมือนชะตาฟ้าลิขิต ในวินาทีเดียวกันนั้นเอง แดจินที่กำลังแข่งอยู่ในสนามก็เกิดหูดับ ไม่ได้ยินเสียงบอกให้ระวังสิ่งกีดขวางบนลู่ เขาเลยพุ่งชนรถแข่งที่จอดเสียกลางถนนจนเสียหลักพลิกคว่ำ สองพี่น้องถูกส่งเข้าไอซียู ต่างฝ่ายต่างเป็นเจ้าชายนิทรา

สามปีผ่านไป วันหนึ่ง ยุนซูได้รับโทรศัพท์ว่า แดจินฟื้นแล้ว เธอรีบไปโรงพยาบาลและรับเขากลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน แต่แดจินดูแปลกไป ราวกับวิญญาณสลับร่าง พฤติกรรมของเขากลับเหมือนพี่ชายอย่างกับเป็นคนๆ เดียวกัน แถมยังบอกว่า เขาคือโฮจิน!

ไม่เพียงพฤติกรรมเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่เขายังรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของโฮจินกับยุนซู เขาเล่าได้ละเอียดหมดทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่เป็นความลับระหว่างเธอกับสามีด้วย จนยุนซูเชื่อว่า คนที่อยู่ในร่างของแดจิน คือ โฮจิน สามีเธอจริงๆ โอ้ สวรรค์เล่นตลกอะไรกันนี่! แดจินย้ำให้ยุนซูรู้ว่า "ไม่มีใครรักคุณมากกว่าผม"

แล้วโฮจินที่นอนแน่นิ่งอยู่ในโรงพยาบาลล่ะ?

คุณหมอบอกว่า สมองของโฮจินตายแล้ว ที่ร่างเขาอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น แดจินกับยุนซูจึงจำต้องปล่อยเขาไป

หลังจากนั้น แดจินกับยุนซูใช้ชีวิตด้วยกันดุจสามีภรรยา ชีวิตเธอเริ่มกลับมาสดใสและมีความสุขขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รับกล่องพัสดุ ในนั้นมีของมีค่าที่พ่อเธอเคยให้ไว้ โฮจินนำไปทำเป็นสร้อยให้เธอสวม และเมื่อสามปีก่อน เธอฝากให้เขาช่วยซ่อมตะขอสร้อยให้ มันเป็นของที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก

ยุนซูสับสน แล้วสร้อยที่แดจินสวมให้เธอหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาลล่ะ ของปลอมหรือ? เธอจึงเข้าไปรื้อโรงรถ และเจอรูปเธอที่แดจินเคยแอบถ่ายไว้มากมาย รวมถึงไดอารี่เล่มหนึ่งที่เป็นคำตอบของทั้งหมด

แดจินเคยเจอยุนซูมาก่อน และเขาตกหลุมรักเธออย่างจัง เขากำลังเล่าให้พี่ชายฟัง ทว่าแฟนสาวที่พี่ชายอยากให้เขารู้จักก็เดินเข้ามา พอเขาเห็นเท่านั้นว่า หญิงคนรักของพี่ชายคือคนๆ เดียวกับที่เขาตกหลุมรัก เขาจึงเลือกที่จะถอยเพื่อความสุขของพี่

และระหว่างที่สองคนครองรัก แดจินรับรู้เรื่องราวทุกอย่างมาโดยตลอด...
ไม่เคยมีความลับระหว่างพี่น้อง...

ในวันที่นำเถ้ากระดูกไปลอยอังคาร แดจินร่ำลาพี่ชาย เขาสารภาพว่า ผู้หญิงที่เขาหลงรักคือพี่สะใภ้ เขายอมเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพราะรู้ว่า โฮจินเป็นผู้ชายที่ยุนซูรักที่สุด เขาไม่ขอให้พี่อภัยให้ และคนที่ตายไปนั้น แท้จริงแล้วคือแดจินต่างหาก!

เขาจึงกล้าพูดว่า "ไม่มีใครรักคุณมากกว่าผมนะ...ยุนซู"

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

shameless

มีคนถามคุณแอนดรูว์ บิ๊กว่า จะพูดยังไงเวลาจะว่า " ช่างหน้าด้านอะไรอย่างนี้" คุณแอนดรูว์บอก ตอนนี้นึกออกแต่ "How dare you!" และแนะให้พูดด้วยสีหน้าขึงขังเหมือนจะฮึ่มๆ

ทำให้นึกถึงคำนึงค่ะ มาจากชื่อหนังสือโดยผู้แต่งชาวจีน สุดยอดมาก กลยุทธ์ว่าด้วย "Thick Face, Black Heart" หน้าหนาไม่พอ ยังใจดำด้วย แต่ฝรั่งอาจจะไม่ด่ากันแบบนี้มั้ง

ในภาษาอังกฤษยังมีอีกคำที่หมายถึง ไร้ยางอาย หรือหน้าด้านนั่นแหละ คือคำว่า "shameless" เช่น You're shameless หรือ What a shameless creature!

อย่างเวลาจะว่าพวกโกหกหน้าด้านๆ ก็ What a shameless liar he is! หรือจะใช้คำว่า barefaced liar โกหกหน้าตายก็ได้

มังกรเซน

ชีวิตมนุษย์ก็เฉกเช่นถังไม้เก่า เปราะบาง ที่มีรอยแตกรั่ว ไม่ว่าจะบรรจุน้ำลงไปมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันเต็ม และยิ่งบรรจุน้ำมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งพังเร็วขึ้นเท่านั้น

รู้จักปล่อยวาง รู้จักหยุด ก็จะพบความหมายและคุณค่าของความว่างเปล่า ... เพราะในมุมมองของเซน ชีวิตไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากความว่างเปล่า ที่มองเผินๆ เหมือนมีสาระ แต่มองดีๆ จะเห็นว่า สาระทั้งหลายเหล่านี้ ที่แท้ก็ปรุงแต่งขึ้นมาจากมายา

เซนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก จอแค่อ่านด้วยใจที่ปล่อยวาง ละทิ้งความคิดเดิมๆ อย่าตีความ พอถึงจุดหนึ่งที่ความคิดตกผลึก มันจะรู้แจ้งเอง...ซาโตริ

ซาโตริ (Satori 悟り) หรือการรู้แจ้งในมุมมองของเซน ที่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วพริบตา เมื่อความรู้-ความเข้าใจลงตัวกับโอกาส

ปล. หนังสือเล่มนี้ คุณวินทร์เขียนแด่ท่านพุทธทาส

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความสุขต่างองศา

เมื่อวานดูเจาะใจ วรรณสิงห์หยิบภาพวาดที่เขาถ่ายมาจากการไปผจญภัยในโลกกว้าง มาแบ่งปันเล่าประสบการณ์ว่าด้วย "ความสุข" ในรูปแบบที่ต่างกัน

ความสุขเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ความสุขของคนหนึ่ง อีกคนอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าหรือโหดร้ายก็ได้ อย่างเช่นชาวเผ่ามาไซ เผ่านักรบแห่งเคนยา ตามประเพณีของพวกเขาแล้ว เด็กน้อยจะโตเป็นหนุ่มได้จะต้องออกไปล่าสิงโตอย่างน้อย 1 ตัว และผู้ชายเผ่านี้จะเจาะคอวัวเพื่อรองเลือดสดออกมาดื่มเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งในสายตาของเรา มันออกจะโหดร้ายทีเดียว

หรืออย่างในสังคมสาวมุสลิม ที่ต้องแต่งตัวมิดชิด เปิดให้เห็นแค่ใบหน้า แต่ความสุขของพวกเธอคือ การได้สวมเสื้อผ้าสวยๆ ข้างใน ที่ถึงไม่มีใครเห็น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของพวกเธอลดน้อยลงเลย ความสุขของเธอไม่ต้องอวดใครๆ

อีกภาพเป็นภาพนักฟุตบอลบนสนามหญ้าเขียวขจี นักเตะส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์แห่งหมู่บ้านพลัม ในบ้านเรา หากพบพระสงฆ์นุ่งจีวรลงไปเตะบอล คงจะโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม แต่พระสงฆ์ที่นั่นสามารถเต้นรำ ร้องเพลง เตะฟุตบอลได้ เพราะถือเป็นการออกกำลังกาย

ความสุขของพวกเขา อาจขัดกับความเชื่อของคนบางกลุ่ม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทำผิดอะไร

ในโตเกียว ถนนฮาราจุกุจะเป็นแหล่งรวมผู้คนแต่งตัวตามใจชอบ จะถอดแบบออกมาจากการ์ตูน จะแปลงกลายเป็นเอลวิส หรือจะเป็นอะไรก็ตามแต่ใจชอบ เป็นการแสดงออกเพื่ออยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถเป็นได้ในโลกแห่งความจริง แค่นี้พวกเขาก็มีความสุขแล้ว

หรือคนบางกลุ่ม ความสุขได้มาจากความทรมาน การได้ทำสิ่งที่เกินกำลังตน ได้ทดสอบตัวเอง ได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ แม้จะสุ่มเสี่ยง และอาจเสี่ยงภัยอันตรายถึงชีวิต แต่พวกเขาก็มีความสุขที่ได้ทำ และจะยิ่งสุขมากที่ทำสำเร็จ

อย่างกลุ่มนักปีนเขาที่อยากจะพิชิตเอเวอร์เรสต์ ในปีๆ หนึ่งมีคนมากมายต้องตายเพราะตกเขา แต่จำนวนคนที่อยากจะพิชิตเขาสูงตระหง่านลูกนี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่ และเพราะความต่างที่ ต่างองศา ต่างวัฒนธรรม ความสุขจึงย่อมแตกต่างกันไป เพียงเราเปิดใจรับ เราก็อาจจะได้รับอานิสงส์จากความสุขนั้นด้วย :)


“ความสุขคือการตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่า...
เราทำอะไร เพื่ออะไร และรู้ว่าเราอยากทำอะไร...”
- วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เป็นกลางหรือลอยตัวเหนือปัญหา

คราวนี้ ปชป อาจทำน่าเกลียดในสภา ไม่สมศักดิ์ศรีผู้ทรงเกียรติ แต่ทำอย่างกับว่า บรรดาท่าน สส ในสภาไทย เป็นผู้ทรงเกียรติงั้นล่ะ ไหนจะสั่งเผาบ้านเผาเมืองมาจนได้ตำแหน่ง ตะโกนโหด่า่เหี้ยห่าสารพัดสัตว์ เมากร่างตอนประชุม ประธานสภาลำเอียง ดื้อด้านตาใสไม่ฟังเสียงของฝ่ายตรงข้าม และอื่นๆ อีกสารพัด เลยชักงงๆ กับมาตรฐานคนไทยที่ปากชอบอ้างประชาธิปไตย ถ้าทำแบบ ปชป ถ่อย แล้วอีกพรรคล่ะเรียกอะไร

รัฐบาลถือว่ามีเสียงมาก เลยยึดประเทศเป็น "รัฐบาลเผด็จการ" ในคราบประชาธิปไตยซะงั้น ใช้เสียงข้างมากแก้ผิดเป็นถูก ล้มล้างรัฐธรรมนูญที่ไม่เอื้อประโยชน์ฝ่ายตน แบบนี้มันถูกต้องมั้ย

ขอถามพวกที่ชอบอ้างว่าเป็นกลางหน่อย ไม่อยากให้ประเทศวุ่นวาย แต่รู้มั้ยว่า พวกคุณกำลังสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ ถีบประเทศให้ยิ่งตกต่ำดำดินลงไปอีก ยกประเทศใส่พานให้คนตระกูลเดียว อีกหน่อยบ้านเราคงไม่ต่างจากเขมร มีรัฐบาลที่โกงจน "ชิน" กินเป็นกิจ "วัตร" เหมือนที่เขมรมีรัฐบาลฮุนเซนยังไงยังงั้น

อย่ารักแค่ลมปาก หรือสักแต่วิจารณ์โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ อย่าดราม่ากันนักเลย แค่นี้ประเทศก็ดราม่าพออยู่แล้ว!!!

ปล. ถ้านายกคนต่อไปของประเทศไทยชื่อ พานทองแท้ ขินวัตร อย่าแปลกใจ เพราะคุณคืออีกคนที่มีส่วนช่วยป้อนตำแหน่งนั้นให้กับเขา!