วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

Street Library

โคลัมเบีย ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชายาเสพติด แต่ยังปลูกฝังประชาชนให้รักการอ่าน ห้องสมุดไม่จำเป็นต้องใหญ่โต มีหนังสือเป็นหมื่นเป็นพัน ที่นี่ เขาติดตั้ง tiny library ห้องสมุดจิ๋วกว่าร้อยแห่งทั่วประเทศ ตั้งอยู่ตามสวนสาธารณะ จุดหนึ่งมีหนังสือแค่ 350 เล่มโดยประมาณ มีอาสาคอยช่วยกันดูแล และยังช่วยสอนการบ้านเด็กๆ ด้วย

เมืองที่ส่งเสริมการอ่าน อย่างกรุงเทพฯ มีห้องสมุดสักกี่แห่งกัน หรือมีโครงการส่งเสริมให้คนรักการอ่านที่เป็นรูปธรรมบ้างมั้ย เห็นแต่โปสเตอร์โฆษณา ที่ไม่ได้เน้นหนังสือสักเล่ม - -"

ยังดีที่มีคนไทยได้แรงบันดาลใจจากโครงการนี้ พี่โหน่ง วงศ์ทนง แห่ง a day จับมือกับหนุ่มหล่อขั้นเทพ โดม ปกรณ์ ลัม ร่วมกันทำโครงการ Street Library ห้องสมุดฟุตบาท แต่ไม่รู้ว่าจะไปติดตั้งที่ไหนบ้าง ต้องคอยติดตามต่อไป อย่างน้อยได้คนดังมาริเริ่มโครงการนี้ มันก็น่าจะเป็นจุดสนใจและเป็นรูปเป็นร่างมากกว่ารอรัฐบาลมาทำ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

Naked Wedding

ชาวจีนยุคใหม่นิยม “裸婚” luo hun (หลั่วฮุน) หรือ Naked Wedding มากขึ้น คำว่า Naked Wedding ไม่ได้หมายถึง Nude Wedding ของฝรั่งที่เน้น "เปลือย" กันทั้งงาน แต่หมายถึงการแต่งงานที่ไม่มีอะไรเลย มากันแต่ตัวเปล่าๆ ไม่ต้องมีบ้าน ไม่ต้องมีแหวน ไม่ต้องมีสินสอด ดีไม่ดีไม่ต้องมีงานเลี้ยงด้วย เสียแค่ค่าจดทะเบียน 9 หยวน ไม่เกินร้อยบาทไทยก็เป็นอันเรียบร้อย

แน่ล่ะว่าการแต่งงานแบบนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็แหม มันออกจะถูกแสนถูก ได้เมียทั้งคนเสียแค่ 9 หยวน ในขณะที่ผู้หญิงกว่า 70% ไม่เอาด้วย เว้นแต่จะรักกันเหลือเกิน และเต็มใจจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน แต่สมัยนี้จะมีผู้หญิงกี่คนที่คิดแบบนี้? อืม...

Life Jigsaw

ชีวิตเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ ที่ต้องต่อทีละชิ้นให้ "ประสาน" ลงตัวกันเป็นอย่างดี ว่ากันว่า จิ๊กซอว์ชีวิตของมนุษย์มีมากถึง 29,220 ชิ้น ตัวเลขนี้มาจากการคำนวณโดยดูจากอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ที่ 80 ปี (365 x 80 = 29,200) บวกกับเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 29 วันอีก 20 (4 ปี มี 1 ครั้ง) หรือใครที่มีอายุขัยยืนยาวกว่านั้น ปริมาณตัวต่อจิ๊กซอว์ชีวิตก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

สำหรับจิ๊กซอว์ทั่วไปนั้น เราสามารถรู้ล่วงหน้าว่า ภาพสุดท้ายที่ต่อออกมาจะเป็นอย่างไร ในขณะที่จิ๊กซอว์ชีวิต เราไม่มีทางรู้จนกว่าจะต่อเสร็จ และเราเท่านั้นที่จะเป็นคนถักทอต่อมันทีละชิ้น ทีละชิ้น จนกลายเป็นภาพสุดท้าย

บางคนคิดว่า จิ๊กซอว์ชีวิตที่เห็นในตอนนี้เป็นภาพที่ดีที่สุดแล้ว หรือบางคนคิดว่า ยิ่งต่อเป็นภาพได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่เราอาจหลงลืมไปว่า จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายต่างหากที่จะเป็นตัวบ่งบอกความสำเร็จที่แท้จริง

สิ่งที่สำคัญกว่า "การไปได้เร็ว" คือ "การไปให้ถูกทาง" และภาพความสำเร็จในวันนี้อาจไม่เข้ากับภาพใหญ่ทั้งหมดของชีวิตก็ได้

ลองจินตนาการถึงภาพใหญ่ในชีวิตที่เราอยากเห็นในวันสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไปสิ แล้วทบทวนดูว่า ภาำพที่ต่อไว้ในตอนนี้จะพาคุณไปสู่ภาพสุดท้ายที่วาดไว้หรือเปล่า

แต่จำไว้นะว่า ถึงจะย้อนกลับไปแก้ภาพเก่าในอดีตไม่ได้ แต่ถ้าเริ่มต้นใหม่ตอนนี้ ภาพอนาคตก็จะเปลี่ยนแปลงได้

.

หมายเหตุ: บทความนี้เขียนขึ้นหลังจากอ่าน "จิ๊กซอว์ชีวิต" ของ ศ.คิมรันโด

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

作心三日 สามวันจอด

ภาษาเกาหลี มีคำว่า 作心三日 ดูโดยรวมแล้วเหมือนเป็นสำนวนจีน เพราะตัวหนังสือเป็นภาษาจีนหมด แต่ค้นดูแล้ว ในจีนไม่มีสำนวนนี้ สำนวนนี้ทางเกาหลีหมายถึง บางเรื่องที่ดูเหมือนตัดสินใจแน่วแน่ แต่พอผ่านไปแค่สามวันก็ทำท่าจะล้มแล้ว ในภาษาเกาหลีอ่านว่า "ชักซิมซัมอิล" (작심삼일)

ดูตัวอย่างคนที่ตั้งเป้าว่าจะลดน้ำหนักสิ ผ่านไปสามวันท่าทางจะเอาไม่อยู่ หรือคนที่ตั้งใจจะเลิกสูบบุหรี่ แต่ไม่ถึงสามวันดีท่าจะไม่รอด ทั้งนี้เพราะเขาเชื่อว่า มันยากที่จะล้มเลิก "พฤติกรรมที่เคยชิน"

ฉะนั้น หากต้องการเปลี่ยนแปลงนิสัยใดก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญสมองชาวญี่ปุ่นบอกว่า เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างสมองก่อน ด้วยการหัดทำสิ่งใหม่จนเกิดความเคยชิน และอย่างน้อยต้องทำซ้ำๆ ติดต่อกันนาน 30 วันขึ้นไป

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

หมู่เกาะเจ้าปัญหา เซนกากุ/เตียวหยู ฮูเป็นเจ้าของกันแน่?

ดูท่าจะไม่จบกันง่ายๆ และดูจะยิ่งลุกลามบานปลายกันไปใหญ่ ก็ข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นน่ะสิ ต่างคนก็ต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในการครอบครองหมู่เกาะเล็กๆ ที่รกร้างผู้คน แล้วจะเอาอะไรมาตัดสิน ก่อนอื่นเรามารู้จักหมู่เกาะเล็กๆ ที่ว่านี้กันก่อนดีกว่า

จากข้อมูลวิกิพีเดีย หมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกนี้มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า The Senkaku Isles หรือทางการจีนเรียกว่า Diaoyu Tai หรือถ้าจะใช้ชื่อที่กองทัพอังกฤษเรียกในสมัยสงครามโลกก็คือ The Pinnacle Islands หมู่เกาะนี้ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ กระจิ๊บกระจ้อย ที่กินพื้นที่ทั้งหมดทั้งสิ้นแค่ 7 ตารางกิโลเมตร ดูจากแผนที่ก็จะเห็นเลยว่าอยู่ใกล้กับทั้งจีน ไต้หวัน และหมู่เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น

ทางการจีนก็อ้างว่า มีหลักฐานจากตำรา 顺风相送 (Voyage with a Tail Wind) ที่เอ่ยถึงหมู่เกาะนี้ตั้งแต่ปี 1403 สมัยราชวงศ์หมิง แต่ทางญี่ปุ่นก็อ้างว่าหมู่เกาะนี้เป็นหนึ่งในดินแดนของอาณาจักรริวกิว และมีหลักฐานมายืนยันเหมือนกัน แต่ถ้าย้อนไปถึงยุคนั้น ดูมันจะไกลเกินกว่าจะหาใครมาตัดสินได้ เรามาดูใกล้เข้ามาหน่อยกันดีกว่า

ในปี 1894 ญี่ปุ่นได้ก่อสงครามกับจีน และรัฐบาลราชวงศ์ชิงแพ้ จึงมีการลงนาม "สัญญาหม่ากวน" ในปี 1895 ว่า จีนจะยอมมอบเกาะไต้หวัน เผิงหู และเกาะบริวารในเขตของไต้หวันให้แก่ญี่ปุ่น และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บริษัทญี่ปุ่นก็เข้าไปตั้งโรงงานแปรรูปปลาที่เกาะเซนกากุ พร้อมคนงานกว่าสองร้อยคน แต่พอปี 1940 ธุรกิจเกิดเจ๊ง เลยต้องปิดกิจการ หมู่เกาะเซนกากุเลยกลายเป็นเกาะร้าง พอปี 1970 ทายาทเจ้าของโรงงานก็ขาย 4 เกาะให้กับครอบครัวคุริฮาระ

พอญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก มีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโก ปี 1951 ว่า ญี่ปุ่นจะต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดมาให้กับเจ้าของ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า "เกาะบริวารในเขตของไต้หวัน" ทางจีนถือว่ารวมเกาะเตียวหยูเข้าไปด้วย ฉะนั้น ญี่ปุ่นจึงต้องคืนให้กับจีนถึงจะถูก

แต่ตอนนั้นด้วยความที่ทุกอย่างยังไม่ลงตัว และไหนจะเกิดสงครามเกาหลีอีก สหรัฐฯ ที่ชอบทำตัวเป็นพี่เบิ้มตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงยังยึดหมู่เกาะนี้ไว้สอดส่องดูแลปัญหาในคาบสมุทรนี้อยู่

ล่วงเลยมาจนปี 1971 อเมริกาก็ทำข้อตกลงกับญี่ปุ่นในข้อตกลงแก้ไขโอกินาว่า ว่าด้วยการส่งมอบอำนาจการบริหารทั้งหมดเหนือหมู่เกาะริวกิวและหมู่เกาะเซนกากุคืนให้ญี่ปุ่น ทางการจีนก็ออกมาตีโพยตีพาย หาว่าสองประเทศนี้รู้กัน แต่สหรัฐฯ ไม่สนและถือว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว

ปัญหามันเลยคาราคาซังไม่จบไม่สิ้นมาจนทุกวันนี้ และยิ่งเพิ่มประเด็นความร้อนแรงขึ้นเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ "ซื้อเกาะ 3 เกาะ" ที่รัฐบาลทำสัญญาเช่าจากตระกูลคุริฮาระ ด้วยวงเงินสองพันกว่าล้านเยน หรือราว 26 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัญฯ ทำเอาพี่จีนเดือดปุดๆ เต้นผางๆ เพราะถือว่า ญี่ปุ่นละเมิดอธิปไตยอย่างร้ายแรง และชักจะบานปลายจนเกิดการประท้วงญี่ปุ่นแทบทุกหัวเมืองใหญ่ของจีน

ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่พื้นที่แค่ 7 ตารางกิโลเมตร แต่หนึ่งคือ "ศักดิ์ศรี" ที่ไม่ว่าชาติไหนก็ไม่อาจให้ใครมาหยามได้ ของของใคร ของใครก็หวง อยู่ดีๆ จะให้ยอมยกกันง่ายๆ หรือนั่งนิ่งเงียบดูเขาเอาไปต่อหน้าต่อตาได้ไง และสองคือ "ทรัพย์ใต้น้ำ" ที่กินอาณาบริเวณมากกว่าแค่ 7 ตารางกิโลเมตรแน่ๆ แหล่งพลังงานที่ในยุคนี้ใครก็ต้องการ

ปัญหายังไม่รู้จะคลี่คลายยังไง แต่เชื่อว่าจะต้องทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แน่ จีนกับญี่ปุ่นก็เหมือนมีแค้นฝังหุ่นกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สมัยที่ญี่ปุ่นรุกรานจีนก็ทำร้ายและฆ่าแกงประชาชนจีนจำนวนมาก อย่างโหดร้ายทารุณด้วย ความขัดแย้งครั้งนี้ ชาวจีนย่อมตอบโต้อย่างรุนแรงไม่ไว้หน้ากันแน่

ลำพังตอนนี้ก็มีการเผาห้าง ทำลายข้าวของกันแล้ว ไม่อยากนึกว่าจะเตลิดไปได้ถึงไหน...

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

The Voice Thailand

เพิ่งได้ดู the voice ฉบับไทยครั้งแรก ถึงจะดูผ่านเน็ต กระตุกๆ บ้าง ก็พอรับไหว พี่ไทยเอามาทำได้ไม่แพ้ AXN เลย แต่ละคนที่มาคัดเลือกรอบ blind audition (ไม่เห็นหน้านักร้อง) ก็เสียงดีๆ ทั้งนั้น (แต่โค้ชไทยดูจะกดเลือกแทบทุกคนเลยนะ ของฝรั่งบางทีกว่าจะเลือกได้คน น้านนาน) ตอนที่มีข่าวไทยจะทำรายการนี้ มีเสียงวิพากษ์คนที่จะมาเป็นโค้ชกันเยอะ แต่ก็เห็นอยู่ว่า เสน่ห์ของรายการก็อยู่ที่โค้ชทั้ง 4 คนด้วย ที่เน้นลูกฮากว่าฝรั่งเยอะ ถูกจริตคนไทย น่าจะมีคนติดตามมากแน่

ในรอบ Blind Audition จะทำให้เห็นความสามารถของผู้เข้าแข่งขันโดยไม่คำนึงถึงหน้าตา ขำดีที่มีคนทวิตว่า The Voice คือรายการที่แสดงให้เห็นถึง diversity of human being จริงๆ เช่น ทอมเสียงสวย กะเทยเสียงสาว สจ๊วตร้องคาราบาว ฯลฯ เพราะเสียงที่คุณได้ยินอาจไม่ตรงกับหน้าตาที่คุณวาดไว้ในใจ!

ก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะว่า พอคัดตัวได้ครบตามจำนวนที่ระบุทุกทีมแล้ว รอบ Battle จะมันส์แค่ไหน จะฟาดฟันน้ำเสียงกันดุเดือดเพียงไร ค่อยดูเป็นรายการประกวดร้องเพลงที่มีสีสันและน่าติดตามหน่อย :)

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

Hunger Strike

เห็นข่าวนักเรียนในฮ่องกงประท้วงจีนด้วยการอดอาหาร ทำให้นึกถึงบุคคลท่านนี้ ผู้ที่ต่อสู้กับอังกฤษแบบอหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรง ด้วยการอดอาหารประท้วง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hunger Strike ที่ผู้ประท้วงจะทำการ fasting หรือ fast (คำเดียวกับที่แปลว่าเร็วนี่แหลค่ะ) เช่น a 7-day fast งดอาหาร (บางคนก็ถึงขั้นงดน้ำด้วย) นานหนึ่งสัปดาห์

ในการต่อสู้กับมหาอำนาจ ท่านมหาตมะ คานธี ประท้วงด้วยการอดอาหารอยู่บ่อยครั้ง (รวมถึงวิธีอื่นที่ไม่ใช้ความรุนแรงด้วย) จนได้ชัยชนะในที่สุด

เคยได้ยินข่าวว่าบ้านเราก็มีคนใช้วิธี hunger strike แต่พอทำไปได้สามวัน ไม่มีใครสนใจ เลยเลิก :P

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

Third Drop of Tear

"ผมเพิ่งรู้ว่า น้ำฝนมีรสหวานชื่นขนาดนี้"

น้ำตาหยดที่สาม และเป็นหยดสุดท้ายของ The Allure of Tears เป็นเรื่องราวความรักของชายหนุ่มยากจนกับหญิงสาวผู้มุ่งมั่น ทั้งคู่พบรักกันท่ามกลางสายฝน และตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน แชร์ความฝันเดียวกัน ทว่ารักแท้ต้องมีอุปสรรค พวกเขาจะฝ่าฟันมันไปได้หรือไม่

หนังสั้นตอนนี้มีทั้งรสหวานและรสขมในคราวเดียวกัน ดูแล้วทั้งยิ้มทั้งร้องไห้ ไม่รู้จะบรรยายยังไง บอกได้คำเดียวว่า ยิ่งกว่าโรมิโอกับจูเลียต ต้องดูเอง

สรุปว่า ทั้งสามตอนช่างเป็นหนังที่ช่วยบริหารต่อมน้ำตาได้สมชื่อจริงๆ

Second Drop of Tear

"Life is either a daring adventure or nothing" - Helen Keller

จากน้ำตาหยดแรกที่แสนเศร้าแต่อิ่มเอมใจ มาถึงน้ำตาหยดที่สองที่สดใสขึ้น เป็นน้ำตาแห่งพลังของความฝันและความหวัง บางคนมีฝัน แต่กี่คนจะทำฝันให้เป็นจริงได้ และคนที่ฝันเป็นจริงแล้ว เกิดวันหนึ่งฝันนั้นต้องถล่มทลายลงมา เขาจะกลับมาอยู่กับความเป็นจริงได้หรือไม่

ตอนนี้ไม่เศร้าเท่าไหร่ เป็นเรื่องราวการต่อสู้ของโรงเรียนดนตรีที่ถูกมรสุมการเงินโหมซัดจนถึงขั้นต้องปิดกิจการ โรงเรียนใกล้จะถูกยึด เหล่าลูกศิษย์จึงพยายามหาทางรักษาโรงเรียนแห่งนี้ไว้

คอนเสิร์ตการกุศลที่พวกเขาจะจัดขึ้น โดยหวังจะให้อดีตศิษย์เก่าที่เป็นศิลปินโด่งดังระดับโลกมาเป็นตัวเรียกแขก ทว่าเธอกลับหายไปจากวงการดนตรีเมื่อหลายปีก่อน และเมื่อพบแล้วจึงรู้ความจริงว่า อุบัติเหตุจากการแสดงเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ฝันของเธอต้องจบลง

แม้จะมีอุปสรรคทางกาย แต่หากหัวใจยังสู้ อุปสรรคก็จะฝ่าฟันไปได้

เยิ่น เสียนฉี หรือ Richie Ren ยังคงร้องเพลงเพราะเหมือนเดิม ฟังเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้คลิก The Allure of Tears Movie OST

The First Drop of Tear

ได้ดูภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องหนึ่ง ประทับใจมาก เป็นหนังสั้นสามตอนในเรื่องเดียวกัน ภายใต้ชื่อว่า 倾城之泪 (Qing Cheng Zhi Lei) หรือภาษาอังกฤษว่า The Allure of Tears ชื่อก็บอกเป็นนัยแล้วว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องทำให้คุณเสียน้ำตาแน่

ด้วยความที่ประทับใจทุกตอนแตกต่างกันไป จึงขอเขียนถึงทีละตอน เริ่มต้นที่น้ำตาหยดแรก "The First Drop of Tear" ที่เปิดฉากมาด้วยภาพสวยกับฝันร้ายของช่างภาพหนุ่มลูกเศรษฐ๊เอาแต่ใจ ที่พบว่าตัวเองมีเนื้องอกในสมอง และรับความจริงไม่ได้ว่า ตัวเองอาจตายในไม่ช้า

ในโรงพยาบาลที่เขารักษา เขาได้พบกับ "พาวเวอร์เกิร์ล" สาวน้อยร่าเริงที่นำความสดใสมาสู่ทุกคนรอบด้าน แม้ตัวเองจะป่วยเป็นมะเร็งใกล้ตายเช่นกัน

"เรามาตายด้วยกันนะ" คำพูดสั้นๆ ที่เป็นเหมือนสัญญาใจของคนใกล้ตายสองคน ที่ทำให้การจากโลกนี้ไปดูไม่น่ากลัวนัก

แต่อยู่มาวันหนึ่ง คำพูดของคนๆ หนึ่งทำให้เธอได้คิดว่า "การที่คนหนึ่งตายและปรารถนาให้อีกคนอยู่อย่างมีความสุข ไม่โรแมนติกกว่าเหรอ" ชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา แม้จะไม่เนิ่นนานนัก แต่ก็อาจเป็นความหวังของใครคนหนึ่งให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

อย่ากลัวว่าชีวิตจะจบลง แต่จงกลัวว่ามันยังไม่ได้เริ่มต้น

Fear not that thy life shall come to an end,
but rather fear that it shall never have a beginning.
- John Henry Cardinal Newman