วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความสุขสร้างได้

เราคงเคยเห็นหนังสือวางขายมากมาย ว่าด้วยการควบคุมอารมณ์โกรธ การคลายความทุกข์ แต่จริงๆ แล้ว ยังมีศาสตร์แห่งการสร้างสุขด้วย มันเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มมีนักวิทยาศาสตร์ นักจิตวิทยาหลายคนหันมาศึกษาศาสตร์แห่งความสุขมากขึ้น ที่เขาเรียกกันว่า The Science of Happiness หรือ Positive Psychology น่าสนใจทีเดียว เพราะโลกคงน่ารื่นรมย์ขึ้นเยอะ ถ้ามีคนสุขใจมากกว่าคนระทมทุกข์

ดร. สเตฟาน ไคลน์ (Stefan Klein) ผู้เขียนหนังสือ The Science of Happiness ได้ทำการศึกษาวิจัยจนพบว่า อารมณ์เชิงบวกกับเชิงลบถูกสร้างขึ้นด้วยระบบสมองที่ต่างกัน คนที่ใช้สมองส่วนหน้าซีกขวาเป็นหลัก มีแนวโน้มจะมองโลกในแง่ร้ายกว่าคนที่ใช้สมองส่วนหน้าซีกซ้าย ที่มักจะมองโลกในแง่ดีและมั่นใจในตัวเองมากกว่า

และเขายังกล่าวไว้ว่า The brain is "malleable," and anyone with a desire for happiness is able to perceive and experience more pleasurable emotions. สมองสามารถปรับเปลี่ยนได้ และใครก็ตามที่ปรารถนาจะมีความสุข สามารถรับรู้และสัมผัสกับอารมณ์ที่พึงปรารถนาได้มากขึ้น

ดร. ริชาร์ด เดวิดสัน นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ที่ใช้เวลาเกือบชั่วชีวิตศึกษาเรื่อง "happy brain" ค้นพบว่า การนั่งสมาธิมีส่วนช่วยในการปรับเปลี่ยนการทำงานของสมอง เขาพบว่า คนที่นั่งสมาธิเป็นประจำ สมองจะเปลี่ยนจากความคิดที่ว่าจะสู้หรือหนีดี มาเป็นยอมรับสถานการณ์ที่เป็นมากขึ้น เริ่มผ่อนคลายขึ้น และมีความสุขมากขึ้น

ในการวิจัยสมองของหลายสำนักพบว่า สมาธิมีผลโดยตรงกับคลื่นสมอง ในเวลาปกติ สมองชองคนเรามักส่งคลื่นเบต้าออกมา ซึ่งความถี่คลื่นจะอยู่ประมาณ 21 รอบต่อวินาที แต่หากเกิดมีเหตุการณ์ใดมากระทบ และส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึก เช่น โกรธ กลัว เกลียด อิจฉา ตื่นเต้น ฯลฯ คลื่นสมองจะมีความถี่สูงขึ้นทันที ส่งผลให้เกิดความเครียดสูงขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายยังถดถอยด้วย

ในทางตรงข้าม ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะสูงขึ้น อารมณ์จะเย็นขึ้น ความคิดจะเฉียบคมและมีจินตนาการสร้างสรรค์สูงขึ้นเมื่อคลื่นสมองมีความถี่ต่ำกว่า 19 รอบต่อวินาที และการจะควบคุมความถี่ให้ต่ำนั้น เราสามารถทำได้ด้วยการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ

ฉะนั้นเราอาจสรุปได้ข้อหนึ่งว่า หากเราทำจิตให้เป็นสมาธิอยู่สม่ำเสมอ คลื่นสมองจะคงความถี่ต่ำ ความเครียดจะลดลง ความสุขจะเพิ่มขึ้น

น่าสนใจทีเดียวที่ ศาสตร์แห่งตะวันออก แนวทางแห่งพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมากว่าสองพันปี ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการวิจัยและทดลองโดยการใช้เทคโนโลยีที่เจริญล้ำหน้าในโลกตะวันตกให้เห็นแล้วว่า หนทางแห่งพุทธ คือหนทางสู่แสงสว่าง วิถีพุทธสามารถแก้ทุกข์ สร้างสุขได้จริง ความสุขสร้างได้ :-)

ไม่มีความคิดเห็น: