วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หนึ่งวันกับมูราคามิ

หนึ่งวันกับมูราคามิ และรักเร้นในโลกคู่ขนาน ที่อบอวลไปด้วยความเหงากลมกล่อม ฉบับพิมพ์ใหม่โดย สนพ กำมะหยี่

เรื่องราวของสุมิเระ สาวน้อยผู้หลงรักมิวที่มีอายุมากกว่าถึง 17 ปี แถมเป็นสตรีเพศ! กับ "ผม" เพื่อนคู่คิดของสุมิเระที่คิดมากกว่าเป็นแค่เพื่อน และกระหายอยากที่จะได้สืบสัมพันธ์กับเธอ ชะตาชีวิตของสามคนกับสามความเหงา ในโลกแห่งความจริงและโลกคู่ขนาน ดำเนินได้อย่างน่าติดตาม กลมกล่อม ละเมียดละไม

เป็นเล่มแรกที่ทำความรู้จักกับมูราคามิอย่างเป็นทางการ และบอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวังจริงๆ ในบางถ้อยคำที่คุณนพดล เวชสวัสดิ์แปลออกมา มันได้ความรู้สึกจนอยากรู้ว่า ต้นฉบับเขียนว่ายังไง

มูราคามิ สมแล้วที่เป็นราชาแห่งถ้อยคำ ตัวหนังสือของเขาแฝงไปด้วยความเหงาเดียวดาย แต่ไม่เศร้าอะ น่าแปลกมั้ยล่ะ! หรือคนอื่นอ่านแล้วเศร้าก็ไม่รู้นะ ฮ่าๆ

นอกจากถ้อยคำพรรณาที่น่าทึ่ง หนังสือเล่มนี้ยังสอดแทรกข้อคิดดีๆ มากมาย ชอบอยู่หลายบท อยากบันทึกเก็บไว้เตือนความจำ เพราะถ้าให้พลิกหาอีกที คงใช้เวลากว่าจะเจอ

สรรพสิ่งที่เราคิดว่ารู้จักถ่องแท้แล้ว จะแฝงซ่อนอยู่ด้วย 'ตัวแปรไม่รู้ค่า' ในปริมาณมากเท่าเทียมกัน ความเข้าใจมิใช่ใดอื่น นอกจากผลรวมของความเข้าใจผิด ... ในโลกที่เราอาศัยอยู่ 'สิ่งที่เรารู้' และ 'สิ่งที่เราไม่รู้' ไม่ต่างไปจากแฝดสยาม แยกกันไม่ออก ดำรงอยู่ร่วมกันในภาวะขัดแย้งสับสน

มนุษย์ใช้ชีวิตตามเส้นทางของตน จนกว่าวงโคจรจะทาบทับวงโคจรของใครอื่น แต่สุดท้ายต่างคนก็ต้องไปตามวงโคจรของตน เพียงแต่ชั่วระยะเวลาที่วงโคจรทาบทับกันนั้น เราได้ทำสิ่งที่เราอยากทำหรือไม่ ตักตวงความสุขจากห้วงเวลานั้นได้กี่มากน้อย และยอมรับเมื่อถึงเวลาต้องจากกันหรือเปล่า

แถมอีกบท ไม่ว่าความสูญเสียจะสาหัส หรือเจ็บปวดสักเท่าใด ไม่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดจะพรากไปจากชีวิตของเรา บางคราวก็ถูกยุดยื้อกระชากไปจากมือ เราอาจเปลี่ยนเป็นอีกคนที่ยังสวมหน้ากากเค้าเดิม ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป...ในความเงียบงัน

ชอบที่คุณวิกรานต์เปรียบเปรยในบทส่งท้าย...
หนังสือเล่มนี้รวยรินกลิ่นความเหงารุนแรงราวกับ Chanel No.5

ไม่มีความคิดเห็น: